[EXO] .......ผู้ชายขี้แกล้ง......[Kai x Suho] - [EXO] .......ผู้ชายขี้แกล้ง......[Kai x Suho] นิยาย [EXO] .......ผู้ชายขี้แกล้ง......[Kai x Suho] : Dek-D.com - Writer

    [EXO] .......ผู้ชายขี้แกล้ง......[Kai x Suho]

    ซูโฮน่ารักมุมิงุ๊งงิ๊ง~ อยากให้ทุกคนตอดซูโฮ~

    ผู้เข้าชมรวม

    1,548

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.54K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    21
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ต.ค. 55 / 15:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น





    ปลื้มปริ่มกับซูโฮ

    รักซูโฮ

    ชอบเวลาที่ทุกคนตอดซูโฮ










    จุนมยอน  คนถูกแกล้ง~






    จงอิน   คนขี้แกล้ง~

    :)Shalunla
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title: [OS]……..ผู้ชายขี้แกล้ง.......[Kai x Suho]
      Author: Micc
      Paring: Kai & Suho 
      Rate: 
      PG-15 (?)
      Note: เรื่องนี้มาแบบไม่ฮา  นี่บอกไว้ก่อนเลย!! ไม่ฮาจริงๆนะ

       

       

      เคยได้ยินกันมั้ย?  ว่า  “ผู้ชายหน่ะ...ยิ่งชอบ   ยิ่งแกล้ง........”

       

       

      เค้าคนนั้นอาจจะแปลกใจที่พักหลังๆนี้เห็นผมบ่อยขึ้น  ความจริงแล้วผมไม่ควรจะเสนอหน้ามาให้เค้าเห็นได้หรอก  ถึงเราจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ผมกับเค้า....มันคนละแนวกันเลย  เข้าใจใช่มั้ยว่าเค้าคนนั้นกับกลุ่มเพื่อนของเค้าหน่ะเป็นลูกรักของอาจารย์หลายๆคน  ทั้งเรียนเก่ง  เฟรนด์ลี่กับเพื่อนๆ  ขยัน  หน้าตาน่ารัก  แต่ผมกับก๊วนผมมันตรงกันข้ามกันเลยไง  ทั้งชอบโดดเรียน  ขี้เกียจ  มีเรื่องกับชาวบ้านเค้าไปทั่ว แต่ทำไงได้อ่ะ  คนมันชอบหนิ  ไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันมันไม่มีผลสำหรับความชอบของผมหรอกนะ

       

      ผ่านมาอีกครั้งกับการเปิดเทอมของม.ปลาย ปีที่ 2  ผมกับเพื่อนผมก็ยังได้เรียนห้องเดียวกันนั่นแหละ  เพื่อนหลายๆคนก็เปลี่ยนไปมากน้อยบ้างตามประสาวัยรุ่นที่ช่วงปิดเทอมต้องไปแต่งสวยเสริมหล่อกัน  แต่คนที่ผมดูจะสะดุดตามากที่สุดก็คงจะเป็นเค้าคนนั้น... คิม จุนมยอน  เทอมที่แล้วเค้ายังไม่ได้ดูโดดเด่นมากขนาดนี้  อาจจะเพราะไปทำสีผมแดงๆนั่นมา ตัดผมให้รับกับหัวทุยนั่น  อ่า.. คุณรู้มั้ย? มีแต่คนมองเค้าทั้งนั้นแหละ  และหนึ่งในนั้นก็คือ..ผม..

       

      ตั้งแต่เปิดเทอมมาจนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าๆแล้วนะที่ผม...ชอบไปอยู่ใกล้ๆเค้า  แกล้งเค้า  ผมหน่ะมันเป็นเด็กหลังห้องแต่เข้าเป็นเด็กดีนั่งหน้าห้อง  เวลาผมลุกไปส่งการบ้านก็จะแอบเนียนโฉบไปใกล้ๆ เคาะโต๊ะเค้าเบาๆ  เพื่อให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผมนั่นแหละ ผมคิดว่าจุนมยอนจะเขินคนเดียว แต่เปล่าเลย กลับเป็นผมต่างหากที่เขินมากกว่าเค้าอีก หน้าตาตอนเค้าตั้งใจจดแล้วเหมือนถูกขัดจังหวะหน่ะ ผมแทบบ้านะ!! ผมรีบเดินกลับมานั่งที่ตัวเองแล้วก็เหมือนแค่นั่งเฉยๆหน่ะ เพราะสติผมมันไม่อยู่กับตัวแล้วไง! มุมน่ารักๆของจุนมยอนหน่ะ  ผมไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะคาบพละ  เทอมนี้ห้องเราเรียนบาสกัน  มันก็แน่นอนไงที่อาจารย์ต้องให้พวกเราแบ่งเป็นทีม 5 คน และก็เหมือนโชคเข้าข้างที่ทีมผมได้แข่งกับทีมเค้า  ช่วงจังหวะที่เค้ากำลังเลี้ยงลูกบาสอย่างตั้งใจเพื่อที่จะเข้าไปใกล้แป้นให้ได้มากที่สุด  ผมก็เข้าไปประชิดตัวจุนมยอน  คนที่ดูการแข่งขันอาจจะมองว่าผมก็แค่เข้าไปกันไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสเข้าไปทำแต้มได้  แต่จุดประสงค์ของผมจริงๆหน่ะ  มันเป็นอย่างอื่นต่างหากหล่ะผมสัมผัสจุนมยอนแบบไม่ให้เค้าผิดสังเกต  แกล้งเอาแขนโอบเค้ามั่งหล่ะ  แกล้งแย๊บหน้าไปใกล้ๆเค้ามั่งหล่ะ  แกล้งยืนซ้อนหลังเค้ามั่งหล่ะ  ผิวกายของเราสัมผัสกันแทบไม่ห่าง  ความจริงจุนมยอนอาจจะอยากอยู่ห่างผมก็ได้นะ  แต่เป็นผมเองแหละที่เข้าไปแนบชิดเค้า  ตัวเค้าหอมเป็นบ้า! จังหวะที่จุนมยอนกำลังจะหันมาเพื่อชู๊ตลูกลงห่วงนั่น  ผมก็ฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนใสนั่นไปเบาๆแบบไม่ผิดสังเกตุอีกหนึ่งที  โอยยยยยยย  วันนั้นผมเหมือนขึ้นสวรรค์  ผมเห็นเค้าหน้าระเรื่อขึ้นมาทันที  มันทำให้สติจุนมยอนหลุดไปชั่วขณะส่งผลให้ลูกสีส้มที่คิดว่าจะลงห่วงกลับโดนขอบห่วงกระเด้งออกมาซะงั้น  อา..นอกจากผมจะทำให้ทีมเค้าไม่ได้แต้มนี้แล้ว  ผมยังทำเค้าเขินได้อีก  กำไรเห็นๆ

       

      สภาพโรงอาหารตอนกลางวันคลาคล่ำไปด้วยเด็กม.ปลายที่หิวกันไส้กิ่วพยายามที่จะพุ่งตัวไปร้านอาหารที่ตัวเองนึกถึงตั้งแต่คาบที่2ของวัน  คนเยอะเป็นบ้า! ความจริงมันก็เป็นเรื่องปกตินะ  แต่ผมก็ไม่ชินซักที  ผมเบียดแทรกคนมากมายไม่ใช่เพื่อจะซื้ออาหารแต่เพื่อสอดส่องหาใครบางคนต่างหาก  คนที่ผมแอบชอบ.......

      .

      .

      .

      เจอแล้ว

      .

      .

      .

      วันนี้ก็กินแซนด์วิชอีกแล้วหรอ? 

      .

      .

      ผมแทรกตัวผ่านคนมากมายเพื่อจะไปอยู่ใกล้ๆเค้า  ผมแกล้งยืนชิดหลังของเค้า  ค้อมตัวลงต่ำเพื่อแกล้งดูป้ายเมนูที่มีภาพแซนด์วิชนับสิบอย่างที่อยู่หน้าตู้กระจกโชว์อาหาร   อ่า.......  ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากตัวเค้า  กลิ่นที่ผมคุ้นชิน....ทุกวัน  มันทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันที  ว่าแต่  คนตัวเล็กนี่ยังไม่รู้ตัวรึไงว่ามีคนมาอยู่ใกล้เค้าขนาดนี้หน่ะไม่ได้การแล้ว  ผมคงต้องทำอะไรบางอย่างให้เค้าหันมาสนใจผมบ้างแล้ว   ผมยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดนึงก่อนจะเขยิบชิดคนตัวเล็กให้มากขึ้นไปอีก  ค้อมตัวลงต่ำอีกหน่อยจนปากผมเกือบจะชิดใบหูขาวๆนั่น  ก่อนจะเอ่ยปากพูดออกไป

       

      “แซนด์วิชแฮมชิ้นนึง”  มันก็แค่ประโยคธรรมดาๆที่ใช้ในการสั่งอาหาร  ผมเห็นคนตัวเล็กสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันมาทางผม

       

      “อ๊ะ!.....”  เหมือนผมจะเป็นโรคจิตใช่มั้ย?  ที่ชอบมองเค้าเวลาเขินจนแก้มแดง  เค้าไม่พูดอะไรอีกหลังจากที่อุทานออกมาเบาๆเมื่อกี๊  เค้าก้มหน้าจนคางชิดอก มองมือตัวเองราวกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจนักหนา   ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆข้างแก้มของผมตอนที่เค้าหันมาเมื่อกี๊  เค้าคงจะหันมาดูว่าใครกันที่มาสั่งอาหารซะใกล้หูเค้า....ใกล้เกินคนธรรมดาเค้าจะทำกัน  แต่ก็ต้องรีบหันกลับไปเพราะจมูกเค้าที่มาโดนแก้มผม  อ่า......น่ารักชะมัด  เห็นแล้วยิ่งอยากแกล้ง!!  ผมแกล้งเอาแขนทั้ง 2 ข้าง ค่อมคนตัวเล็กเพื่อจับราวเหล็กที่ยื่นออกมาสำหรับวางจานเพื่อเติมซอสต่างๆ  ความใกล้ชิดนี้ทำให้แผ่นอกของผมแนบชิดกับแผ่นหลังบางนั่น  ให้ตายสิ! ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆนั่นชัดกว่าเดิมอีกนะ!!

       

      “อบแบบเกรียมๆนิดนึงนะครับป้า”  ผมแกล้งโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อบอกคุณป้าคนขาย  มันทำให้ตัวของจุนมยอนต้องโน้มไปข้างหน้าตามผมเหมือนกัน  ก็แหงหล่ะ! เค้าตัวเล็กขนาดนั้น แถมผมยืนซ้อนหลังซะชิดขนาดนั้นนี่นะ  ผมยังคงอยู่ในท่านั้นต่อไปจนกระทั่งคุณป้าคนขายเอาแซนด์วิชให้จุนมยอนนั่นแหละ  ก็เค้าสั่งก่อนผมนี่! จุนมยอนเอื้อมมือไปรับของมาพร้อมจ่ายเงินเสร็จสรรพ แล้วหันกลับมา  เงยหน้ามองผมแบบเขินๆ

       

      “ขอทางหน่อยได้มั้ย? จ.....จงอิน”  เสียงหวานตะกุกตะกัก  คงจะเขินน่าดูสินะ

       

      “อ้อ! โทษทีนะ  คนมันเบียดไปหน่อยหน่ะ”  ผมเปิดทางให้เค้าเดินออกได้สะดวก  เห็นหน้าหวานขึ้นสีผมก็รู้สึกดีแล้วหล่ะ  นี่ผมโรคจิตใช่มั้ย??  ความจริงมันก็ไม่ได้คนเยอะขนาดที่ต้องมาใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อขนาดนี้หรอกนะ  แต่ก็อย่างที่บอกไปไง  คนมันอยากแกล้ง!!

      .

      .

      .

      .

      “ไอ่เชี่ยจงอิน  เดี๋ยวนี้มึงกินแซนด์วิชบ่อยไปนะ”  เสียงทุ้มของชานยอลบ่นมาหลังจากที่ผมกินคำสุดท้ายเสร็จแล้ว

       

      “หนักหัวมึงหรอ?”  ผมตอบกลับไปพร้อมใช้ทิชชู่ที่เพิ่งเช็ดปากผมก่อนจะขยำเป็นก้อนกลมๆแล้วปาใส่หน้าไอ่ชานยอล

       

      “เหี้ย! สกปรกนะมึง”  มันทำท่าขยะแขยงพร้อมปาทิชชู่ก้อนเดิมใส่ผม

       

      “นี่  แล้วมึงจะไม่ตอบไอ่ชานยอลมันหน่อยหรอวะ  กูก็อยากรู้นะ  พักนี้มึงกินแซนด์วิชโคตรบ่อย ปกติมึงแทบไม่แตะ  หรือว่า... มึงชอบของแปลกแบบป้าคนขายหรอวะ?”  คราวนี้เป็นเซฮุนที่พูดซะยืดยาว  แถมเดาซะมั่วซั่ว!

       

      “มึงใช้ตีนคิดหรอวะ?”  ผลักหัวโอเซฮุนไปทีนึง  คิดอะไรไม่เข้าท่า

       

      “ไอ่ห่า  ผมกูเสียทรงหมด! มึงอย่ามายึกยัก เล่นตัวนะไอ่ดำ  มีความลับหรอวะ?”  เซฮุนพูดไปพลางจัดผมตัวเองไปพลาง

       

      “เรื่องของกูหน่า!”  พูดจบก็ลุกจากม้านั่งข้างสนาม  ไปหาคนตัวเล็กที่ห้องสมุดดีกว่า

       

      “อ้าว  ไอเหี้ยนี่หนิ  จะไปไหนวะ?”  ชานยอลตะโกนออกมา  เดี๋ยวนี้แม่มติสก์  จะไปไหนก็ไป ไม่บอกซักคำแถมพักนี้ก็ไม่ค่อยอยู่กับพวกเค้า 2 คนเท่าไหร่ด้วย

       

      “อย่าเสื_ก! ไว้เจอกันคาบบ่ายเว้ย!”  ผมตะโกนตอบกลับไปงั้นแหละ  เชื่อมั้ยว่าแม่มหยุดเสื_กไม่ได้หรอก  ไอ่ 2 ตัวนั่นหน่ะ  เดี๋ยวมันก็ตามมาสืบเรื่องผมอยู่ดี  ให้มันรู้เรื่องเองดีกว่า  ผมขี้เกียจบอกมัน  เดี๋ยวแม่มแซว!

      .

      .

      .

      .

      .

      ห้องสมุด.......เป็นสถานที่ที่ผมแทบไม่อยากจะเฉียดกายเข้ามาเลยแม้แต่น้อย  แต่พักหลังๆนี่ผมเข้ามาบ่อยขึ้นนะ  ก็นั่นแหละ  มาแอบดูจุนมยอนไง  พูดถึงก็เจอพอดี

       

       

      คนตัวเล็กกำลังเขย่งหยิบหนังสือชั้นบนสุด  น่าแกล้งอีกแล้ว!! ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ  นี่อย่าคิดนะว่าผมจะไปยืนซ้อนหลังเพื่อหยิบหนังสือให้  พอหันกลับมาก็อยู่ใกล้จนเกือบจะจูบกันแบบในหนังในละครนะ  คิดผิดเลยหล่ะ!

       

       

      “แขนสั้นจัง”  ผมยืนกอดอกพิงชั้นวางหนังสือพลางยกยิ้มนิดๆ  มองคนตัวเล็กที่ยังคงพยายามจะหยิบหนังสือให้ได้

       

      “จ...จงอิน! เราไม่ได้แขนสั้นนะ!”  คนตัวเล็กหันมามองด้วยสีหน้าตกใจนิดหน่อย  คงไม่คิดว่าคนอย่างเค้าจะมาอยู่ในห้องสมุดแบบนี้สินะ  อีกอย่าง  วันนี้เราคุยกันตั้งหลายประโยค  ปกติแทบไม่เคยได้ยินเสียงกันเลยด้วยซ้ำ

       

      “ถ้าแขนยาวก็หยิบถึงแล้วสิ  มา! ชั้นหยิบให้”  พูดจบก็เดินไปหยิบหนังสือเล่มที่ว่านั่นให้คนตัวเล็ก

       

      “ขอบใจ”  รับหนังสือกอดไว้แนบอกแล้วกำลังจะเดินหลบไป

       

      “เดี๋ยวสิ  แค่พูดขอบใจหรอ?”  จับแขนคนตัวเล็กไว้  รั้งไม่ให้ไปไหน

       

      “ละ...แล้วนายจะเอาอะไรอีกหล่ะ  เราต้องรีบเอาหนังสือไปให้แบคฮยอนนะ”  ก้มกน้าก้มตาพูด  นี่พื้นมันหล่อกว่าเค้ารึไงกัน?

       

      “อยู่เฉยๆนะ  อะไรติดผมนายก็ไม่รู้”  ผมเปลี่ยนเรื่อง  คือ  ไม่รู้ว่าจะให้ตอบเค้าว่าอะไรดี  ผมก็แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆจุนมยอนนานๆแค่นั้นเองแล้วความจริงมันก็ไม่มีอะไรติดผมหรอก  มันแค่ข้ออ้างของผมนั่นแหละ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แกล้งทำเป็นปัดผมเบาๆเพื่อให้ “อะไร” ที่ผมว่ามันหลุดออกมา  จับผมนิ่มนั่นทัดหูสวยเบาๆ  จุนมยอนก้มหน้าก้มตามองพื้นอีกแล้ว  แต่แก้มแดงๆของเค้าทำให้ผมยิ้มได้นะ

       

      “ตรงแก้มนายก็มี”  นิ้วยาวของผมละออกจากแก้มนิ่มมาเกลี่ยแก้มใสเบาๆ  แกล้งเป่า “อะไร” ที่มันไม่มีจริงให้หลุดออก  ผมเนียนใช่มั้ยหล่ะ?  มาถึงตอนนี้ ผมก็เริ่มอดใจไม่ไหวแล้วนะ  แก้มใสขึ้นสีนั่น  แพขนตายาวนั่น  จมูกได้รูปนั่น  จุนมยอนกำลังทำผมบ้า!!

       

      “ตรงปากนายก็มี”  ผมค่อยๆเชยคางจุนมยอนเบาๆ  ผมรู้ว่าเค้าคงเขินจนทำอะไรไม่ถูก  มันยิ่งทำให้ผมอยากแกล้ง  ผมค่อยๆไล้ปลายนิ้วโป้งที่ริมฝีปากบางเบาๆ  ปากแดงๆนั้น ถ้าแดงกว่านี้คงจะดีไม่น้อย  ไวเท่าความคิด  ผมก็โน้มหน้าลงไปจนลมหายใจร้อนผะแผ่วสัมผัสซึ่งกันและกัน  แลกอากาศกันหายใจในระยะใกล้ๆกัน  ผมไม่รู้ว่าจุนมยอนจะใจเต้นเหมือนผมรึเปล่า  แต่ที่แน่ๆเค้าเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกใจสั่นแบบนี้  ผมเหมือนถูกจุนมยอนดูดเข้าไปในภวังค์  ผมเป่าลมร้อนจากปากเบาๆไปยังริมฝีปากแดงนั่น  จุนมยอนเหลือบตามองผมได้แค่แว่บเดียวก็กลับลงไปมองพื้นเหมือนเดิม  ให้ตายสิ! ไม่ใช่แค่จุนมยอนนะที่เขินหน่ะผมเองก็เขินจนจะบ้าอยู่แล้ว!!

       

      แต่ตอนนี้ผมจะทำเป็นลืมเรื่องเขินไปก่อนเพราะสมองผมมันสั่งการให้ผมควรจะสัมผัสปากบางนั่นซักที  ผมค่อยๆจูบแผ่วเบาที่ปากแดงนั่น  รู้สึกวาบหวามในใจตอนที่ปากเราสัมผัสโดนกัน  ใจเต้นถี่รัว  ผมย้ำจูบไปอีกทีที่ริมฝีปากล่างแล้วผละออกมาและสัมผัสซ้ำอีกครั้ง  ดูดดึงมันเบาๆ  ผมใช้ฝ่ามืออุนของผมประคองใบหน้าเรียวรับจูบของผมให้ถนัดยิ่งขึ้น  นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างไล้แก้มใสไปพลาง  ผมผละจูบออกมาแล้วมองที่หน้าใสเนียนนั่น  จมูกเราแตะชนกันเบาๆ  บัดนี้ จุนมยอนช้อนตาขึ้นมองผมอีกครั้ง  ผมยกยิ้มตอบกลับไป

       

      “ชั้นชอบนาย จุนมยอน”  พูดจบก็ก้มลงย้ำจูบอีกครั้ง  ดูดดึงริมฝีปากล่างและบนก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นร้อนเล็มเลียริมฝีปากด้านนอกนั่นอย่างอ้อยอิ่งเอื่อยเฉื่อยจนพอใจแล้วลุกล้ำไปที่ริมฝีปากด้านในเหมือนเป็นการเปิดทางให้ผมได้เข้าไปค้นหาความหวานในนั้น  คนตัวเล็กเผยอปากเล็กน้อยเหมือนตอบรับผมด้วยความเต็มใจ  ลิ้นร้อนของผมเล่นซุกซนทั่วโพรงปากหวานก่อนที่ลิ้นเล็กที่ไม่ประสีประสานั้นจะเริ่มเลียนแบบผมบ้าง  มันทำให้ผมรู้สึกห้ามตัวเองแทบไม่ไหว ผมค่อยๆสอนเค้าด้วยความรู้สึกที่ส่งผ่านไปทางปลายลิ้นและเหมือนว่าจุนมยอนจะเป็นนักเรียนที่ดีทำตามผมสอนทุกอย่าง  เสียงเฉอะแฉะของน้ำหวานในปากของเราทั้งคู่กระตุ้นอารมณ์ผมได้อย่างดี  จูบเราร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มแรงขึ้นตามอารมณ์  จนจุนมยอนส่งเสียงออกมาเบาๆ

       

      “อือออ~”  เสียงหวานครางในลำคอเบาๆ 

       

      “อือออ.....อืออ~”  เราจูบกันจนผมรู้สึกว่าเค้าคงจะหมดลมหายใจแน่ๆ  เพราะมือที่กอดหนังสือไว้แนบออกนั้นกระแทกที่หน้าอกผมเบาๆสองสามครั้ง  ก่อนที่หนังสือจะหลุดมือขาวไปแล้วเปลี่ยนมาขยำคอเสื้อผมแน่น

       

      “ฮื้อออ~”  ผมได้ยินเสียงเค้าอีกครั้งก่อนที่จะถอนจูบลึกซึ้งของเราออกมา  จุนมยอนหอบหายใจหนักอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองผมอีกครั้ง  ปากบางนั่นยังคงเผยอน้อยๆปล่อยลมร้อนออกมาเบาๆ

       

      “ชั้นชอบนาย  จุนมยอน”  ผมย้ำอีกครั้ง  มองที่ริมฝีปากแดงเจ่อนั่นแล้วใช้ข้อนิ้วเกลี่ยมันเบาๆ  ปากนี้ที่ทำผมแทบคลั่ง

       

      “ที่ชั้นชอบเข้าไปใกล้นาย  แกล้งนาย  เพราะว่าชั้นชอบนาย”  นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มใสนั้นอีกครา  มองตาหวานเยิ้มนั้น

       

      “เป็นแฟนกันนะ”  พูดเบาๆพลางยกยิ้มไปให้

       

      “อะ...อะไรนะ”

       

      “ชั้นบอกว่า.......”  เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้  กดจูบที่แก้มเนียนนั่นแล้วเลื่อนปากไปจรดที่ใบหูขาวก่อนจะกระซิบเบาๆ

       

      “เป็นแฟนกันนะ  จุนมยอน”  จูบที่ใบหูนุ่มก่อนจะเลื่อนหน้ากลับมามองจุนมยอนอีกครั้ง

      “................”

       

      “ไม่ตอบถือว่าตกลง  ตอบว่าไม่รู้ก็ถือว่าตกลง  พูดอะไรที่นอกจากคำว่าได้ชั้นก็ถือว่าตกลง”

       

      “นาย  นายขี้โกงนี่”  พอเหมือนสติจะเริ่มกลับมา  ปากแดงนั่นก็ตอบโต้ออกมาทันควัน

       

      “งั้น  สรุปว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะ”  ก็ในเมื่อคนตรงหน้าพูดว่า “นายขี้โกงนี่” ออกมาซึ่งไม่มีคำว่า “ได้” อยู่ก็แสดงว่าตกลงหน่ะสิ

       

      “จงอิน  คนบ้า!!”  ทุบอกผมไปอีก 1 ทีถ้วนก่อนจะรีบเดินออกจากตรงนั้น

       

      “เดี๋ยวสิจุนมยอน  หนังสือนายไม่เอาแล้วหรอ?”  ผมพูดออกไปเสียงไม่ดังมาก  ก็แหงหล่ะ! เรายังอยู่ในห้องสมุดนี่นะ

      คนตัวขาวเดินก้มหน้างุดๆกลับมาหยิบหนังสือในมือผมไป  แต่ผมไม่ให้ง่ายๆหรอกนะผมโอบเอวบางนั่น

       

      “อ๊ะ!  ปะ…ปล่อยเรานะจงอิน”  ช้อนตาขึ้นมองแบบค้อนๆนิดนึง  มือก็ทุบอกผมซะอีกหลายที

       

      “ปล่อยก็โง่สิ”  ผมยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำตอนหลีสาวบ่อยๆแล้วก้มหน้าลงหมายจะจูบปากแดงเจ่อนั่นอีกครั้ง   อย่าหาว่าผมหื่นเลยนะ  แต่ถ้าคุณลองมาเป็นผมบ้างคุณก็ต้องห้ามใจไม่ไหวเหมือนกัน

       

      “อื้อออ~  ไม่เอานะ  จะมาทำแบบนี้กับเราไม่ได้นะ”  คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง  ผมเลยได้แค่หอมแก้มใสนั่นไป

       

      “กลัวคนมาเห็นหรอ?  ไม่มีหรอกน่า  นี่มันบล็อกที่เงียบที่สุดในห้องสมุดแล้วนะ  เชื่อชั้นสิ”  พูดเหมือนผมมาห้องสมุดบ่อยนะ  ความจริงก็เพิ่งจะมาบ่อยๆเอาตอนพักหลังๆเนี่ยแหละ  มาแอบดูจุนมยอนเค้าไง

       

      “เราไม่ได้หมายความว่าหยั่งงั้น  เรา........เรา”  คนตัวเล็กอึกอัก

       

      “ชั้นชอบนายจริงๆ  ครั้งแรกชั้นก็แค่รู้สึกอยากแกล้งนายเฉยๆนั่นแหละ  แต่แกล้งไปแกล้งมามันกลับรู้สึกดีกับนายขึ้นมาเฉยๆ  อีกอย่าง  ชั้นมันเป็นพวกทำตามความรู้สึกตัวเองซะด้วยสิ  ชั้นไม่มานั่งคิดมากว่าจะชอบจริงๆหรือแค่สับสนหรอกนะ  มันปวดหัว  รู้แค่อยากแกล้งเพราะอยากอยู่ใกล้นาย เพราะชอบนายมันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ? ....ให้ชั้น...ชอบนายนะ”  ผมยกมือขึ้นลูบแก้มใสนั่นเบาๆ  ผมก็แค่พูดตามที่ผมคิด ตามที่รู้สึกออกไป  หวังว่าจุนมยอนคงจะเข้าใจนะ

       

      “จะ....จงอิน  แต่.....แต่เราน่าเบื่อนะ  วันๆอยู่แต่กับหนังสือ”  ความจริงผมก็รู้สึกดีนะที่จงอินมาแกล้งผมบ่อยๆ  ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังได้รับความสนใจจากเค้า  ผมดูมีตัวตนในสายตาจงอิน  อ่า....... นี่ผมคงจะชอบเค้าเหมือนกันสินะ

       

      “ชั้นชอบนาย  ไม่ได้ชอบหนังสือซักหน่อย”  เกลี่ยมผมนิ่มที่ข้างหูนั่นเบาๆ

       

      “ชั้นรู้ว่านายก็แอบชอบชั้นอยู่ใช่มั้ยหล่ะ?  ไม่งั้นคงไม่เขินจนหน้าแดงเวลาที่ชั้นแกล้งหรอกใช่มั้ย?”  นี่ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ  ก็ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม  จุนมยอนคงจะแสดงอาการไม่พอใจหรือโวยวายออกมาบ้างแหละ  แต่นี่จุนมยอนมีแต่เขินกับเขิน  จะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้จริงๆ

       

      “เรา......เราไม่รู้  งือออออ~  ปล่อยเราได้แล้วนะ  เราจะไปหาแบคฮยอน”  ส่งเสียงงุ๊งงิ๊งออกมาเบาๆ  เห็นมั้ยหล่ะ! เขินผมอีกแล้ว

       

      “ฮะ ฮะ ฮะ  ก็ได้ๆ  เดี๋ยวแบคฮยอนจะสงสัยเนอะ ว่าหายไป “ทำอะไร” ตั้งนาน”  ผมเน้นคำว่า “ทำอะไร” ที่ข้างหูบางนั่นแล้ววกมากดจูบที่แก้มใสอีกครั้ง  อ่า........ชื่นใจจัง  ทันทีที่ผมปล่อยมือจากเอวบางนั่น  จุนมยอนก็รีบเดินกอดหนังสือออกไปทันที

      .

      .

      .

      “ทำไมไปนานจังอ่ะ  แล้วนี่เป็นไรอ้ะ? ทำไมหน้าแดงปากแดงขนาดนี้อ้ะ? จุนมยอน”  เสียงแหลมๆถามรัวๆแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอนเพื่อนซี้

       

      “....คือ  ป่าวหรอก  ไม่มีอะไร  อ่ะ  นี่หนังสือ”  จะให้บอกแบคฮยอนยังไงหล่ะ? บอกว่าตอนไปเอาหนังสือเจอจงอินแล้วจงอินก็จูบเค้างั้นหรอ?

       

      “ไม่ต้องมาปิดบังเลยไหนดูดิ๊!”  มือริ้วสวยจับคางจุนมยอนมามองใกล้ๆ

       

      “ปากแดงเจ่อแบบนี้.........เดี๋ยวนะ! นายไปโดนใครจูบมาห๊ะ! ใคร! มันเป็นใคร! บอกมานะ  ชั้นจะไปจัดการมันเอง”  แบคฮยอนถกแขนเสื้อพร้อมลุย

       

      “แบคฮยอนอ่า....เบาๆสิ  ใจเย็นๆ  มันไม่มีอะไรหรอก”  อ่า....แบคฮยอนเสียงดังไปแล้วนะ  นี่มันห้องสมุดนะ

       

      “ทำไมนายใจเย็นหยั่งงี้หล่ะ! บอกมานะว่าใคร! อย่าให้ชั้นเดานะ!”  ชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดโทษ

       

      “คือ.....คือ”  งืออออออออ  เค้าไม่กล้าบอกแบคฮยอนอ่ะ

       

      “จุนมยอน  ไว้เจอกันคาบต่อไปนะ”  ไม่ใช่เสียงแบคฮยอนแต่เป็นจงอิน!! ไม่ได้พูดเปล่าแต่ยังฉวยโอกาสหอมแก้มผมต่อหน้าแบคฮยอนด้วย!! มาทำแบบนี้แล้วก็เดินฮัมเพลงออกไป  มาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ผมแล้วก้จากไปแบบนี้!

       

      “.............”  ไม่ใช่แค่ผมที่อึ้ง  แบคฮยอนก็ด้วย

       

      “ถึงชั้นจะมั่นใจแล้ว 100%  ว่าใครจูบนาย  แต่ชั้นก็จะยังไม่เชื่อจนกว่านายจะบอกชั้นเองกับปากนะจุนมยอน”  แบคฮยอนมองหน้าผมแบบไม่มีสติ  มือเรียวนั่นกำมือผมแน่น

       

      “คือ.....คือ  อย่างที่นายเข้าใจนั่นแหละ”  ฮือออออ......

       

      “นั่นไงนั่นไงเพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาเนี่ย  มีแค่ไอ่จงอินนั่นแหละที่มาเจ๊าะแจ๊ะกับนายแบบออกนอกหน้าหน่ะ! แล้วนี่โดนมันทำอะไรตรงไหนอีกรึเปล่า??  นายมีอะไรจะบอกกับชั้นอีกมั้ย?? จุนมยอน”  พอสติกลับคืนมาก็พ่นคำถามออกมาไม่ยั้ง

       

      “คือ....คือ  จงอินเค้าขอเราเป็นแฟน  แล้ว....แล้ว เราก็ตอบตกลงไปแล้ว”  ก็ถือว่าตกลงไปแล้วหล่ะนะ  เค้าก็ไม่ได้อยากจะปฎิเสธใจตัวเองเท่าไหร่หรอก

       

      “จุนมยอน!!”

       

      “แบคฮยอนอ่า.... นายก็รู้ใช่มั้ยว่าเราก็แอบชอบจงอินเหมือนกันหน่ะ”  มองหน้าแบคฮยอนทำตาปริบๆ

       

      “แต่จงอินมันนิสัยไม่ดีน่ะ!”

       

      “แบคฮยอนอ่า....เค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก  เข้าใจชั้นเถอะนะ”  ลูบมือแบคฮยอนเบาๆ

       

      “...........”  แบคฮยอนมองหน้าจุนมยอนค้อนๆแล้วเม้มปากเบาๆ

       

      “แบคฮยอน~”  ทำตาปริบๆอีกรอบ

       

      “ก็ได้ๆ  ชั้นจะคิดซะว่ามันเป็นความสุขของนาย”  ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

       

      “ขอบใจนะแบคฮยอน”  จับมือแบคฮยอนเขย่าเบาๆ

       

      “แต่ถ้านายนั่นมามาทำอะไรไม่ดีกับนายหล่ะก็  รีบบอกชั้นเลยนะ”

       

      “อืม  เรามาทำรายงานกันต่อเถอะ”

      .

      .

      .

      .

      “เอ้า! นั่นมึงจะไปไหนวะ?”  ชานยอลตะโกนออกมาเสียงดังลั่นห้องเรียนจนทุกคนหันมามอง  ก็อยู่ดีๆ  ไอ่จงอินแม่งก็ลุกจากที่นั่งไปหน้าห้องเฉยเลย! ดีนะที่อาจารย์ยังไม่มา

       

      “................”  ไม่ได้รับการตอบรับจากคิมจงอิน  เห็นแค่ว่ามันหันมายิ้มกวนตีนให้ผมกับเซฮุน

       

      “อ้าว! เหี้ย! มันเกิดจะรักเรียนอะไรขึ้นมาถึงไปนั่งข้างหน้าวะ?  ชานยอลหันไปถามเซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆ

       

      “กุจะไปรู้มั้ย?  ก็นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ย!”  เซฮุนเกาหัวแกรกๆ

      จงอินเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างกับ 1 ในเพื่อนร่วมห้องจนคนนั้นต้องรีบพงกหัวแล้วกวาดอุปกรณ์การเรียนไว้ในอ้อมอกแล้วลุกมานั่งที่เก้าอี้ของจงอินหลังห้องแทน  เซฮุนกับชานยอลมองคนมานั่งใหม่อย่างงงๆ แล้วอีกฝ่ายก้ยิ้มแห้งๆมาให้  ประมาณว่าถูกบังคับ  จงอินนั่งลงแทนที่เพื่อนร่วมห้องคนนั้นพร้องหันมองคนข้างๆ

       

      “นั่งด้วยคนนะ  นั่งข้างหลังเรียนไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ!”  เอาแขนท้าวโต๊ะเรียนแล้วหันมาพูดกับคนข้างๆอย่างอารมณ์ดี  จุนมยอนน่ารักจัง!!

       

      “อือ”  คนข้างๆที่ว่าส่งเสียงออกมาเบาๆแล้วก้มลงไปเปิดหนังสือเตรียมตัวเรียน แต่ดูก็รู้ว่าเขิน  จนแบคฮยอนที่นั่งอีกข้างของจุนมยอนอดพูดเสียงดังออกมาไม่ได้

       

      “ดีแล้ว!  เป็นแฟนเพื่อนชั้นก็หัดตั้งใจเรียนซะบ้าง!”  พูดจบ  ห้องทั้งห้องก็เงียบกริบไปพักใหญ่  จนกระทั่ง....

       

      “ไอ่เหี้ยจงอิน!!! มึงไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ??”  เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเซฮุนที่ตะโกนออกมาจากหลังห้อง  พูดจบก็ลุกเดินมาหาจงอินที่โต๊ะหน้าห้อง

       

      “เอ้า!  กูนึกว่ามึงสืบเรื่องกูแล้วซะอีก  ฮ่า”  เงยหน้ามองเซฮุนแบบขำๆ

       

      “มิน่าหล่ะมึง!  ที่เห็นหายหัวไปเนี่ย  ที่แท้มึงก็ไปจีบจุนมยอนเองหรอกเรอะ!!”  เป็นปาร์คชานยอลที่ตามมาสมทบ

       

      “ก็อย่างที่เห็นอ่ะนะ  ไปๆๆ  พวกมึงก็กลับไปนั่งที่ได้แล้วไป๊! กูจะเรียนหนังสือ!”  โบกมือไล่

       

      “โถๆๆๆ  ขอให้มึงเรียนจริงๆเหอะว้า  ไอ่ดำ! อย่าให้กูเห็นนะว่ามัวแต่มอง แต่ตอดคนข้างๆจนไม่ได้มองกระดานหน่ะ!” ชานยอลผลักไหล่เพื่อนตัวกำไปอีก 1 ทีก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองไป

      “นั่งตรงนี้แล้วมีกำลังใจเรียนขึ้นเยอะเลยอ่ะ!”  พูดจบก็หอมแก้มใสของจุนมยอนอีกครั้ง  นี่วันนี้เค้าหอมแก้มคนตัวเล็กไปกี่ครั้งแล้วนะ!

       

      “อ๊ะ! จงอิน!”  มือเล็กลูบแก้มตัวเองยกใหญ่  พอหันไปมองเพื่อนซี้อย่างแบคฮยอนก็พบกับสายตาโหดเหี้ยมมองกลับมา  จุนมยอนได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้

       

      “นั่นไง!! กุว่าแล้ว!  พอเหอะมึง  กูเลี่ยนนนน”  ชานยอลตะโกนออกมาอีกรอบโดยมีเสียงอ้วกของเซฮุนเป็นซาวนด์ประกอบ

       

      หลังจากนี้  ทุกๆที่ที่มีจุนมยอนก็จะเห็นจงอินเป็นเงาตามตัวไปตลอดพร้อมแผ่ไอสีชมพูนุ่มละมุ่นไปให้สิ่งมีชีวิตรอบข้างทั้งหลายในระยะ 1 กิโลเมตรทุกครั้ง

       

      เรื่องเล่าของผู้ชายขี้แกล้งก็จบแบบลั้นลาสุดหล่ะนะ!!!!

      ฮ่า  คือแบบ  เราช่วงนี้แทบไม่มีโมเม้นท์ไคโฮเลยอ่ะ

      กัมจงอาจจะมัวแต่ไปกินเจ  เลยไม่ได้มาสร้างโมเม้นท์เท่าเซฮุน  ฮ่า

      ไม่รู้จะพูดไร  งื้อออออ  รุ้แต่อยากอ่านคอมเม้นท์จัง

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×